Perspectives

วางแผนลงทุนตามวัย เตรียมรับมือหลังเกษียณ

by
PeerPower Team
January 27, 2023

วางแผนลงทุนตามวัย เตรียมรับมือหลังเกษียณ 

ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ การวางแผนลงทุนเพื่อเตรียมตัวเกษียณก็เป็นเรื่องประเภทที่ว่า “ยิ่งรู้เร็วยิ่งดี” เพราะถ้าเตรียมตัวเร็วก็จะสามารถออกแบบการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาวได้ และจะเหนื่อยน้อยกว่ามาทำแผนตอนอายุปาไปค่อนคน (แต่ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ วางแผนซะตอนนี้เลยก็ดีกว่าปล่อยให้นานไปอีก)

วันนี้ PeerPower เลยจะมาพูดถึง การวางแผนลงทุน เตรียมรับมือเกษียณ เผื่อใครกำลังเตรียมแผนฯ​ หรืออยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากมี “passive income” แต่ยังไม่แน่ใจว่าอายุเท่านี้ควรลงทุนอะไรดี หรือต้องมีเงินเท่าไหร่ เราขอเสนอวิธีพวกนี้เป็นแนวทางให้ลองเอาไปทำตาม 

3 คำถามวางแผนลงทุนเตรียมเกษียณ

ก่อนหน้านี้เราได้พูดเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ใน มีเงิน 100,000 บาทลงทุนอะไรดี ? ในบล็อกนั้นจะเป็นการพูดอย่างคร่าว ๆ ถึงเป้าหมายรวม ๆ เพื่อให้เห็นภาพว่าเราจะลงทุนไปเพื่ออะไร แต่ในบล็อกนี้เราจะพูดถึงการเกษียณ ดังนั้นคำถามจึงควรเฉพาะเจาะจงขึ้นมาหน่อย เช่น 3 ข้อนี้ 

  1. คุณอยากเกษียณตอนอายุเท่าไหร่ ? 
  2. ตอนนี้อายุเท่าไหร่ คิดว่าจะมีชีวิตถึงอายุเท่าไหร่ นับเป็นกี่ปีหลังเกษียณ?​
  3. อยากมีเงินใช้ต่อเดือนเท่าไหร่ 

แล้วลองเอาตัวเลขจากทั้ง 3 ข้อ มาแทนค่าในสูตรนี้ 

เงินเกษียณ = ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 12 (ปี) x ระยะเวลาหลังเกษียณ
สูตรคำนวณเงินเกษีณ วางแผนลงทุนเตรียมเกษียณ

สมมุติเช่น ปัจจุบัน PeerPower อายุ 40 ตั้งเป้าไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 55 และคิดว่าคงอยู่ได้อีกสักราว ๆ 25 ปี (ตอนนั้น 80 พอดี) อยากมีเงินใช้ 40,000 ต่อเดือน 

ถ้าแทนค่าตามสูตรข้างบน จะเท่ากับว่า 

40,000 x 12 x 25 = 12,000,000

น้อง PeerPower ต้องมีเงินเก็บประมาณ 12 ล้านบาทถึงจะมีเงินพอใช้ช่วงเกษียณตามฝัน! ตัวเลขไม่น้อยแต่ดูแล้วก็ยังพอไหว

แต่นี่เรายังไม่ได้คิดเงินเฟ้อ หากอ้างอิงตามธนาคารแห่งประเทศไทยอัตราเงินเฟ้อในไทยล่าสุด เมื่อเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ 5.89% ถ้าลองเอาเงิน 12 ล้าน มาคิดเล่น ๆ ก็จะหมายความว่าน้อง PeerPower ควรมีเงินอยู่ประมาณ 50 ล้านด้วยซ้ำถึงจะมีเงินใช้แบบไม่เดือดร้อน (ลองคำนวณที่นี่)

ด้วยเงินจำนวนนี้ไม่รู้เก็บกี่ชาติถึงจะพอ แต่หากเอามาลงทุนยังพอมีโอกาส อาวุธที่เราจะเอามาสู้กับเงินเฟ้อได้ก็คือดอกเบี้ยทบต้น นั่นก็คือการนำผลตอบแทนจากการลงทุนเอาไปลงทุนต่อเนื่องโดยไม่เอาออกมาใช้จ่าย และถ้าคิดแบบนี้ก็จะเห็นว่าเราควรหาทางลงทุนให้ได้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ

ถ้าใครในวัยไหนไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไรยังไงดี ลองอ่านวิธีข้างล่างนี้

อายุเท่าไหร่-วัยไหน ควรลงทุนรับมือเกษียณยังไง

จริง ๆ แล้วการวางแผนเกษียณควรเป็นไปอย่าง Steady and Slow คือ เริ่มตั้งแต่อายุน้อยจะได้ประโยชน์มากกว่าการวางแผนเมื่ออายุเข้าวัยกลางคน 

ลองนึกภาพกรณีเงิน 12 ล้านที่ต้องมีตอนเกษียณ ถ้าสมมุติทยอยเก็บเดือนละ 20,000 ตั้งแต่อายุ 25 พออายุ 50 จะได้เงินรวมราว 6 ล้าน (20,000 x 12 x 25 *ไม่รวมดอกเบี้ยทบต้น ถ้ารวมก็จะมากกว่า*)  ซึ่งแบบนี้จะง่ายกว่าการมาเก็บรวดเดียวตอนอายุ 40 

จริงอยู่ที่แต่ละคนมีปัจจัยรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน แต่เราขอนำเสนอข้อมูลโดยรวมตามอายุว่า โดยทั่วไปแล้ว วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยใกล้เกษียณ แต่ละวัยควรสร้าง mindset และมองหาอะไรจากการลงทุน

วัยเริ่มต้นทำงาน อายุประมาณ 20 - 35 

วัยนี้ถือเป็นวัย “สะสมความมั่งคั่ง” (wealth accumulation phase) คนส่วนมากในวัยต้น 20 เพิ่งเริ่มงาน เงินเดือนเริ่มต้นอาจไม่สูงมาก แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังค่อนข้างน้อยจึงได้เปรียบในการวางแผนลงทุนเพราะรับความเสี่ยงได้มาก และหากเริ่มลงทุนเพื่อสร้างรายได้หลังเกษียณก็มีเวลาเหลือเฟือ

สำหรับการลงทุน ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนเก็บไว้เป็นเงินลงทุน แล้วแบ่งเงินจำนวนนั้นเป็น 2 ส่วน 

  1. ส่วนแรกสำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น ลงทุนรอปันผลเพื่อแผนเกษียณ เก็บเงินซื้อบ้าน ฯลฯ
  2. ส่วนที่สองสำหรับลงทุนระยะสั้น ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงตามมา ลองทำแบบทดสอบวัดระดับวามเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ แล้วเลือกลงทุนตามสินทรัพย์ที่รับความเสี่ยงได้ อาจทำให้เห็นภาพชัดขึ้น หรือถ้าใครยังนึกภาพไม่ออก ลองอ่านบทความ วัยรุ่นเริ่มลงทุน ของ ก.ล.ต. ก็อาจทำให้รู้ว่าตัวเองเหมาะจะลงทุนอะไร

หมายเหตุ: เงินส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน บางคนแนะนำให้แบ่งเป็น 10/90 หรือ 30/70 โดยส่วนตัวเราแนะนำให้แบ่งตามแผนระยะยาวของคุณกับความเสี่ยงที่รับได้ เช่น หากวางแผนจะใช้เงินในเร็ว ๆ นี้  เงินลงทุนระยะสั้นอาจจะต้องมากกว่า 

วัยทำงาน อายุประมาณ 35-45 

วัยนี้หน้าที่การงานมักเข้าที่แล้ว มีรายได้เยอะกว่าวัยเริ่มทำงาน จึงจะได้เปรียบกว่าตรงที่มีเงินพร้อมที่จะลงทุน แต่สามารถรับความเสี่ยงได้น้อยลงเพราะภาระมากขึ้น คือมีทั้งรายจ่ายประจำส่วนตัวที่ต้องเสีย และรายจ่ายเพื่อครอบครัวที่ต้องดูแล เช่น ค่าเทอมลูก ค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ ฯลฯ นอกจากนั้นยังต้องเก็บเงินเพื่อแผนเกษียณของตัวเอง รายจ่ายของคนวัยทำงานจึงรัดตัวไปหมด 

สำหรับการลงทุน อาจแบ่งเงินตามนี้

  1. สำหรับเงินลงทุนระยะสั้น พิจารณาพอร์ตโฟลิโอ ณ ปัจจุบันของตัวเองว่าให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเท่าไหร่ และยังจะรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ เพราะจังหวะนี้อาจเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับทำกำไร หากยังรับความเสี่ยงได้มาก หุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงหรือหุ้นในบริษัทสตาร์ทอัป (high risk high return) ก็อาจเหมาะกับคุณ 
  2. เพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนระยะยาวมากขึ้น เน้นที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอเพื่อให้ผลตอบแทนมาทุ่นค่าใช้จ่ายประจำ เช่น หุ้นปันผล หุ้นกู้ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ฯลฯ
  3. ศึกษาการลงทุนด้วยประกันชีวิต เพราะอายุเพิ่มขึ้นความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ย่อมเพิ่มขึ้น 
  4. ออมเงินสำรองสำหรับเหตุไม่คาดฝัน และขอแนะนำว่าไม่ควรนำเงินนี้มาใช้เป็นค่า Lifestyle หรือค่าใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวัน

วัยใกล้เกษียณ อายุประมาณ 45-55 

คนวัยนี้ค่อนข้างมีความมั่นคงในชีวิตหลายด้าน เงินเดือนสูงขึ้นตามอายุปีและประสบการณ์ รายจ่ายเพื่อครอบครัวลดลง แต่ก็รับความเสี่ยงได้น้อยลงเช่นกัน

ในแง่ของการลงทุน อาจโฟกัสเพิ่มในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีระยะเวลาลงทุนสั้น - ปานกลาง เพื่อสร้างกระแสเงินสด หุ้นปันผลและหุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอยังคงเป็นตัวเลือกที่ดี หรือลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเตรียมตัวเกษียณ นอกจากนั้นอาจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ได้เช่นกัน 

วัยเกษียณ อายุตั้งแต่ 55 เป็นต้นไป 

โฟกัสหลักของวัยนี้ควรอยู่ที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอเพื่อสร้างกระแสเงินสด ไม่ควรโยนเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นดัวเลือกที่เหมาะอาจเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ และหุ้นกู้ประเภทต่าง ๆ 

ลงทุนตามวัย วางแผนลงทุนเตรียมเกษียณ

ตัวอย่างที่ยกมาเป็นเพียงแนวทางหนึ่งของการลงทุนเพื่อวางแผนเกษียณโดยใช้วัยเป็นเกณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนลองนำไปประยุกต์ใช้และปรับให้เข้ากับตัวเอง สุดท้ายแล้วการวางแผนเกษียณที่ดี คือ การวางแผนลงทุนในระยะยาวและกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ

‍คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว

Author
PeerPower Team

สู่เป้าหมายทางการเงินที่ไกลขึ้น

ลงทุนและระดมทุนเพื่อธุรกิจผ่านคราวด์ฟันดิงกับ PeerPower
สมัคร