เมื่อถึงฤดูกาลยื่นภาษี หลายคนมักมองหาวิธีบริหารภาษี ทั้งประกันชีวิต, กองทุน RMF, SSF แต่ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนยังไม่รู้จักมากนัก คือ
👉 สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE)
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
- สามารถนำเงินลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐ มาลดหย่อนภาษีได้ ตามจำนวนจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท/ปี
- สิทธินี้ใช้ได้กับการลงทุนใน ธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนเป็น Social Enterprise (SE) เท่านั้น
- นักลงทุนได้รับทั้ง
✅ สิทธิลดหย่อนภาษี
✅ ผลตอบแทนทางการเงินจากธุรกิจ
✅ ผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการลงทุน
แตกต่างจากการลดหย่อนแบบอื่นอย่างไร?
- ประกันชีวิต → เน้นความคุ้มครองชีวิต
- RMF/SSF → เน้นการลงทุนระยะยาวในตลาดทุน
- SE Investment → ได้ทั้งผลตอบแทน + สร้าง Impact ให้สังคม + ลดหย่อนภาษี
เรียกได้ว่าเป็น “3-in-1 Benefit” เลยทีเดียว
วิธีใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจาก SE Investment
1.ลงทุนในธุรกิจที่ได้รับการรับรองเป็น Social Enterprise
- ตรวจสอบรายชื่อธุรกิจ SE ที่ได้รับการรับรอง ลิงก์
- ลงทุนผ่านช่องทางที่เปิดระดมทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น PeerPower
2.เก็บหลักฐานการลงทุน
- ใบหุ้น, หลักฐานการชำระเงิน
3.ยื่นภาษี (ภ.ง.ด. 90/91)
- เข้าไปที่ระบบ ยื่นภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร
- เลือกหมวด ค่าลดหย่อน/สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- กรอกจำนวนเงินลงทุนในหัวข้อ “การลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม”
- ระบุยอดตามจริง (ไม่เกิน 100,000 บาท)

4.แนบหลักฐาน
- อัปโหลดไฟล์ หรือส่งเอกสารตามที่สรรพากรกำหนด (กรณียื่นเอกสารจริง)
ตัวอย่างธุรกิจเพื่อสังคม: Local Alike
หนึ่งในธุรกิจเพื่อสังคมที่น่าสนใจคือ Local Alike
- ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นทั่วไทย
- พัฒนา “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” ที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
- เน้นการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นักลงทุนที่ร่วมลงทุนกับ Local Alike ไม่เพียงแต่ได้ช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังสามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย
👉 หากสนใจลงทุน สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ ลิงก์
สรุป
การลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม (SE Investment) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริหารภาษีที่น่าสนใจ
- ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
- ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน
- และได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม
คำเตือน : การลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นคราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว