Success Strategy

จดทะเบียนบริษัทดีไหม? มีขั้นตอนอะไรบ้าง

by
PeerPower Team
March 8, 2024

สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สงสัยว่าควรจดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง PeerPower มีข้อมูลมานำเสนอดังนี้

  • จดทะเบียนบริษัทเมื่อมีรายได้มากกว่า 750,000 บาทต่อปีขึ้นไปและต้องการสร้างเครดิตทางบัญชี
  • จดทะเบียนบริษัทมี 2 ประเภท ได้แก่ ทะเบียนพาณิชย์และนิติบุคคล
  • ทะเบียนพาณิชย์ เหมาะสำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีมูลค่ากิจการไม่สูงมาก
  • ทะเบียนนิติบุคคล เหมาะสำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการร่วมกัน 2 คน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการ
  • จดทะเบียนบริษัทมี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ตรวจและจองชื่อบริษัท จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ รอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสาร เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัทและสุดท้าย คือ ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

จดทะเบียนบริษัทดีไหม? มีขั้นตอนอะไรบ้าง

ทำงานมาสักพักธุรกิจก็เริ่มขยับขยาย คำถามที่ผู้ประกอบการ SME จะเริ่มคิดคือ “การจดทะเบียนบริษัท” แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรตามมา รวมถึงไม่แน่ใจด้วยว่าตอนนี้คือเวลาที่ควรจดทะเบียนแล้วหรือยัง 

ดังนั้นบล็อกนี้เราจะมาเล่าข้อดี-ข้อเสียของการจดทะเบียนบริษัทเผื่อเป็นไกด์ไลน์ช่วยตัดสินใจ เผื่อใครสงสัยว่า “จดทะเบียนบริษัทดีมั้ย” บล็อกนี้ก็อาจเป็นคำตอบ

TLDR เลือกอ่านเฉพาะบท: 

  • ควรจดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่
  • ทะเบียนบริษัทมีกี่ประเภท ควรเลือกแบบไหน
  • ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง
  • ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัทเท่าไหร่
  • คำถามที่พบบ่อยเมื่อจดทะเบียนบริษัท

จดทะเบียนบริษัทเมื่อไหร่ดี?

กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่ควรจดทะเบียนการค้า แล้วแต่ความพร้อมของเราล้วน ๆ แต่สิ่งที่อาจใช้เป็นสัญญาณบอกความพร้อมคือ “รายรับต่อปี” ลองสำรวจตัวเองจากคำถาม 2 ข้อนี้ 

1. มีรายได้มากกว่า 750,000 หรือยัง?

เพราะ รายรับจะมีผลต่อเนื่องมายังภาษีที่ต้องจ่าย 

ตราบที่ยังไม่จดทะเบียนบริษัท ภาษีที่ต้องจ่ายจะถูกคำนวณจากฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจเสียภาษีสูงสุดที่ 35% แต่ถ้าจดทะเบียนบริษัทแล้วภาษีจะคิดจากภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุดที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 20% เทียบดูได้จากตารางด้านล่าง

เงินได้สุทธิ / กำไรสุทธิ อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
0 – 150,000 ได้รับการยกเว้นภาษี ได้รับการยกเว้นภาษี
150,001 – 300,000 5% ได้รับการยกเว้นภาษี
300,001 – 500,000 10% ได้รับการยกเว้นภาษี
500,001 – 750,000 15% 15%
750,001 – 1,000,000 20% 15%
1,000,001 – 2,000,000 25% 15%
2,000,001 – 3,000,000 30% 15%
3,000,001 – 5,000,000 30% 20%
5,000,001 บาทขึ้นไป 35% 20%

ตรงนี้จะมองว่ามากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ เพราะปัจจัยในการคำนวณเงินได้ของบุคคลกับบริษัทที่ผ่านการจดทะเบียนมาแล้วมีความแตกต่างกัน 

2. ต้องการสร้างเครดิตทางบัญชีเพื่ออนาคตทางการงานหรือไม่? 

ถ้าอยากขยายบริษัทเพื่อความเติบโต เรื่องที่ต้องคิดต่อคือหลักฐานที่ใช้แสดงเพื่อยื่นขอสินเชื่อ เพราะสิ่งนี้จะใช้เป็นเอกสารประกอบการอนุมัติสินเชื่อ

หลักฐานที่สามารถใช้พิจารณาได้ เช่น บัญชีรายรับรายจ่าย งบการเงิน ฯลฯ เอกสารพวกนี้จะเป็นบันทึกเครดิตทางการเงินที่ดีหากต้องการทำเรื่องกู้เงินในอนาคต

การจดทะเบียนบริษัทจะทำให้ผู้ประกอบการต้องทำบัญชีอย่างเป็นระบบ แยกบัญชีรายรับ-รายจ่ายส่วนตัวออกจากบัญชีบริษัทอย่างชัดเจน สิ่งนี้จะช่วยให้เห็นตัวเลขจริงที่เกิดจากการบริหารงานของบริษัท 

จดทะเบียนบริษัทมีกี่ประเภท ควรเลือกจดแบบไหน?

สมมติตัดสินใจได้แล้วว่าจะจดทะเบียนฯ เรื่องต่อมาที่ต้องคิดคือจะจดทะเบียนประเภทไหนดี เพราะการจดทะเบียนบริษัทแบ่งประเภทย่อยได้อีก 2 อย่าง ได้แก่ 

1. จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ (บุคคลธรรมดา)

คือ การจดทะเบียนบริษัทของกิจการที่มีผู้ประกอบการเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว คิดเอง ทำเอง มีอิสระและสามารถตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวกับกิจการได้เต็มที่ เป็นการจดทะเบียนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรับรู้ว่า ฉันทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การจดทะเบียนพาณิชย์จะเหมาะกับกิจการขนาดเล็กที่ขายสินค้าหรือบริการง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก มูลค่าของกิจการไม่สูงมาก ข้อดีคือผู้ประกอบการจะได้รับกำไรเต็ม ๆ และเสียภาษีโดยคำนวณอัตราภาษีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเท่านั้น แต่ถ้ากิจการขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างรวมถึงหนี้สินแบบไม่จำกัดเช่นกัน

ใครอยากจดทะเบียนพาณิชย์สามารถดูวิธีได้จากเว็บไซต์ ระบบจดทะเบียนพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (คลิก)

2. จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนนิติบุคคล

อันนี้เป็นขั้นแอดวานซ์กว่าแบบแรก เหมาะสำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการทั้งหมด 

ข้อดีคือ ภาษีเงินได้สูงสุดที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 20% ซึ่งน้อยกว่าจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ ส่วนข้อเสียคือ การดำเนินกิจการอาจมีความล่าช้าเพราะมีผู้ตัดสินใจหลายคน 

ทะเบียนนิติบุคคลมี 3 ประเภทแบ่งตามการรับผิดชอบหนี้สิน ที่ "จำกัด" หรือ "ไม่จำกัดจำนวน"ดังนี้

2.1 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญ 

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะจดหรือไม่จดทะเบียนนิติบุคคลก็ได้ ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียวเท่านั้น คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัดจำนวน” ผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถตกลงทำกิจการร่วมกันและแบ่งปันกำไรจากกิจการได้ แต่ถ้ากิจการขาดทุนหุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวน

2.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบ "จำกัด" และ แบบ "ไม่จำกัด" ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “จำกัด” จะไม่สามารถตัดสินใจในกิจการได้ และผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัด” จะมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในกิจการได้ทั้งหมด ถ้าหากกิจการขาดทุนห้างหุ้นส่วนจำกัดจะไม่ต้องจ่ายภาษี

2.3 บริษัทจำกัด 

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการ 2 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียว คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ "จำกัด" ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระ ซึ่งกิจการแบบนี้ต้องมีภาพลักษณ์ดี มีการวางแผนกิจการรัดกุม และมีการบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการบริษัท เพื่อทำให้กิจการเกิดความน่าเชื่อถือ

จดทะเบียนบริษัทยังไง มีกี่ขั้นตอน ใช้เอกสารอะไรบ้าง ?

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนบริษัทออนไลน์ หรือ e-Registration ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมฯ (คลิก) โดยขั้นตอนอาจแบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้

จดทะเบียนบริษัทดีไหม มีขั้นตอนอะไรบ้าง PeerPower

1. ตรวจและจองชื่อบริษัท

2. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

  • หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือแสดงความต้องการในการจัดตั้งบริษัท โดยจะต้องยื่นไม่เกิน 30 วันจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อเรียบร้อย
  • ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัท
  • ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้)
  • ที่ตั้งสํานักงานใหญ่ / สาขา
  • วัตถุประสงค์ของบริษัท
  • ทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน
  • ข้อบังคับ (ถ้ามี)
  • จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อยางน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
  • ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ
  • รายชื่อหรือจํานวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท (อํานาจกรรมการ)
  • ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
  • ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจํานวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน

3. รอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสาร

เมื่อส่งเอกสารตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ให้รอการตรวจสอบจากนายทะเบียน หากมีส่วนไหนจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมจะได้รับการแจ้งกลับ

4. เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัท

เอกสารที่ต้องเตรียมมา

  • แบบจองชื่อนิติบุคคล
  • สําเนาบัตรประจําตัวของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน
  • สําเนาหลักฐานการรับชําระคาหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น
  • แผนที่แสดงที่ตั้งสํานักงานใหญ่และสถานที่สําคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป

หมายเหตุ: เอกสารทุกฉบับผู้ขอจดทะเบียนจะต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอย่างน้อยหนึ่งคน ยกเว้นสำเนาบัตรประจําตัวหรือหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน เจ้าของบัตรจะต้องเป็นผู้เซ็นรับรองความถูกต้องด้วยตนเอง

5. ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

ยื่นคำขอได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้านผู้ประกอบการทุกจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 87 แห่ง เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรอง ก็แสดงว่าผู้ประกอบการเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

จดทะเบียนบริษัทมีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ?

  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ คิดจากเงินทุนแสนละ 50 บาท โดยเกณฑ์การชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และขั้นสูงได้ไม่เกิน 25,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัท ตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และขั้นสูงไม่เกิน 250,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท
  • ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
  • ค่ารับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท

คำถามที่พบบ่อยเมื่อจดทะเบียนบริษัท

  1. จดทะเบียนบริษัท ทำด้วยตนเองหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญดีกว่า?

ตอบ: ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนด้วยตนเองได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อดีก็คือผู้ประกอบการจะได้เรียนเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่อยากเสียเวลาหรือไม่อยากวุ่นวายในขั้นตอนและเอกสาร ก็สามารถจ้างสำนักงานบัญชีได้เช่นกัน

  1. จดทะเบียนบริษัทใช้ทุนเท่าไหร่?

ตอบ: กิจการทั่วไปไม่มีกำหนดทุนจดทะเบียน โดยปกติแล้วทุนที่ใช้มากน้อยจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับกิจการนั้น ๆ โดยมูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 บาท/หุ้น

  1. จดทะเบียนบริษัทใช้เวลากี่วัน ?

การจองชื่อและยื่นตรวจเอกสารออนไลน์ใช้เวลาประมาณ 1 วัน และเมื่อนายทะเบียนตรวจสอบเอกสารเสร็จดำเนินการยื่นจดทะเบียนใช้เวลาประมาณ 1 วันเป็นอันเสร็จสิ้น

  1. จดทะเบียนบริษัท ต้องมีเงินสดไปวางตามจำนวนที่จดทะเบียนหรือไม่?

ตอบ: ก่อนอื่นผู้ประกอบการจะต้องชำระค่าหุ้น 25% ของทุนจดทะเบียน โดยส่วนที่เหลือสามารถค้างชำระไว้ก่อนได้ ยกตัวอย่างเช่น ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ต้องชำระค่าหุ้น 250,000 บาทก่อน

  1. จดทะเบียนบริษัท ต้องมีหุ้นส่วนกี่คน?

ตอบ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญ ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด จะต้องมีหุ้นส่วน 2 คนขึ้นไป

  1. เราสามารถให้พ่อแม่เป็นผู้ถือหุ้นได้หรือไม่?

ตอบ: ผู้ประกอบการสามารถให้พ่อแม่ถือหุ้นให้คนละ 1% และผู้ประกอบการถือหุ้นจำนวนที่เหลือทั้งหมด หรือตามความต้องการได้ โดยผู้ประกอบการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามกระทำแทนบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ขอบเขตการรับผิดชอบจะไม่มากเกินกว่ามูลค่าหุ้นที่ถือเอาไว้

  1. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ควรเป็นที่ไหน?

ตอบ: การจดทะเบียนบริษัทควรจะมีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งชัดเจน จะเป็นเจ้าของเองหรือเช่าคนอื่นก็ได้ ถ้าเป็นเจ้าของเองก็ต้องทำหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นสถานประกอบการ แต่ถ้าเป็นผู้เช่าก็ต้องทำสัญญาเช่าให้ชัดเจน

  1. เป็น Freelance ควรจดทะเบียรบริษัทหรือไม่? 

ตอบ: พิจารณาฐานภาษีที่ต้องจ่าย โอกาสของรายได้ และต้นทุน  ถึงแม้บุคคลธรรมดาจะเสียภาษีสูงสุด 35% ในขณะที่นิติบุคคลเสียภาษีน้อยกว่าที่ 20% แต่ถ้าต้นทุนที่จ่ายในการทำงานไม่สามารถนำมาลดภาษีได้ การจดทะเบียนบริษัทอาจทำให้ freelance ต้องเสียภาษี 2 ต่อ คือเสียทั้งภาษีนิติบุคคลจากบริษัทตัวเองตั้ง และเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินเดือนที่ได้จากบริษัทตัวเอง กรณีนี้จะเสียประโยชน์ 

แต่ถ้าสมมุติคำนวณแล้วว่าต้นทุนที่จ่ายจากการทำงานแต่ละครั้งสามารถนำมาลดภาษีได้ การจดทะเบียนบริษัทอาจทำให้เสียภาษีน้อยกว่า กรณีอาจเป็นจัวหวะเหมาะที่จะจดทะเบียน 

การจดทะเบียนบริษัทส่งผลดีกับบริษัทของผู้ประกอบการหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษี ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รวมทั้งสร้างโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการและสร้างความถูกต้องในเรื่องของกฎหมาย เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ประกอบการศึกษาการจดทะเบียนบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าการจดทะเบียนย่อมสร้างประโยชน์มากกว่าโทษ

สำหรับบริษัทที่ต้องการเงินทุน PeerPower คือตัวกลางช่วยระดมทุนธุรกิจ โดยเชื่อมต่อผู้ประกอบการเข้ากับนักลงทุนผ่านระบบคราวด์ฟันดิงที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ใครที่สนใจสามารถกดดูเงื่อนไขการสมัครระดมทุนได้ที่นี่ (คลิก) 

คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว

Author
PeerPower Team

สู่เป้าหมายทางการเงินที่ไกลขึ้น

ลงทุนและระดมทุนเพื่อธุรกิจผ่านคราวด์ฟันดิงกับ PeerPower
สมัคร