Peer Story

วิธีลงทุนกระจายความเสี่ยงแบบ คุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์

by
PeerPower Team
April 1, 2024

วิธีลงทุนกระจายความเสี่ยงแบบคุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์

นอกจากบทบาทการเป็นผู้บริหารแพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Ookbee และ Joylada แล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักของ คุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ คือการเป็น ผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks และนักลงทุน Angel Investor ให้กับบริษัทสตาร์ทอัพหลายเจ้าในไทย 

ไม่ว่าจะในบทบาทนักลงทุนหรือนักธุรกิจ การลงทุนของคุณหมูเรียกได้ว่าทั้ง “ไม่หมู” และ “ไม่ธรรมดา” บล็อกนี้ PeerPower จะเล่าเกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนของคุณหมูว่าคืออะไร และเขามีแนวคิดอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกระจายความเสี่ยง 

ลงทุนเพื่อชนะเงินเฟ้อ: หลักการลงทุนพื้นฐานที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ 

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานอัตราเงินเฟ้อทั้งปีของไทย 2566 อยู่ที่ 1.2% ดูน้อยนิดและไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ขึ้นเฉลี่ยแทบจะปีละ 3-10% ด้วยซ้ำหากลองคำนวณดู 

นึกถึงอำนาจการซื้อที่ลดลงในแต่ละปี ลองคำนวณว่าเงิน 1,000 ล้านก็อาจมีค่าที่ 550 ล้านแค่ใน 5 ปีด้วยซ้ำถ้าสมมุติให้เงินเฟ้อขึ้นปีละ 10%” 

วิธีชนะเงินเฟ้อที่ดีที่สุดคือการลงทุน ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาว่า asset class หรือ สินทรัพย์ประเภทไหนที่จะให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ คุณหมูให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เงินฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยน้อยอาจแพ้เงินเฟ้อในระยะยาว หรือแม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์เองก็อาจให้ผลตอบแทนเทียบเท่ากับเงินเฟ้อด้วยซ้ำถ้าไม่ได้ต่อยอดไปทำอย่างอื่น” 

คุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ PeerPower
คุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้บริหารแพลตฟอร์มหนังสือออนไลน์ Ookbee และ Joylada

Risk หรือ​ Reward? คุ้มแค่ไหนถ้าจะลงทุนสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง

เมื่อก่อนเวลาพูดถึงสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงคนจะนึกถึงหุ้น แต่ปัจจุบันเราอาจจะมอง “ความเสี่ยง” แบบเดิมไม่ได้เพราะต่อให้ของที่ในตำราบอกว่ามีความเสี่ยงน้อยมากเช่น หุ้นกู้ ทุกวันนี้ก็มีความเสี่ยงเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าหุ้นปกติด้วยซ้ำไป

“แม้กระทั่งเงินต้นที่อยู่ในบัญชีเฉย ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะแพ้เงินเฟ้อเพราะค่าเงินลดทุกวัน วิธีรับมือคือต้องกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ agressive บ้าง แต่ใส่ในสัดส่วนน้อยเท่าที่พอจะรับไหว”

คุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ PeerPower

การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงสามารถมองได้ 2 มุมคือเป็นทั้ง Risk และ Reward

ถ้าลงทุนมากเกินไป วันหนึ่งเมื่อผลตอบแทนไม่เป็นไปอย่างที่คิด สิ่งนี้จะกลายเป็นความเสี่ยงให้ผิดหวังทันที กลับกันถ้าจำกัดความเสี่ยงตั้งแต่แรกโดยลงทุนแค่เท่าที่รับไหว ต่อให้ใส่เงินน้อยแค่ไหนผลตอบแทนที่ได้กลับมาอาจจะคุ้มกับที่ลงทุนไปและกลายเป็นกำไรในท้ายที่สุด 

“อย่ามองว่าอะไรเสี่ยงเลยไม่ลง การที่ไม่มีของที่เสี่ยงเลยในพอร์ตอาจจะเสี่ยงกว่า ดังนั้นควรเผื่อโอกาสให้สินทรัพย์ประเภทอื่นมาทำกำไรด้วยเช่นกัน อย่าลงทุนแค่ในสินทรัพย์ประเภทเดียว” คุณหมูอธิบายเสริม

ลงทุนที่ยั่งยืนที่สุดคือการลงทุนตามความชอบ 

ข้อคิดสุดท้ายที่คุณหมุได้เล่าให้เราฟังคือการ “ลงทุนตาม Passion” ที่แตกต่างกันแล้วแต่คน 

บางคนลงทุนในทองเพราะชอบความมั่นคง บางคนลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนมหรือนาฬิกาเพราะอยากเอาออกมาใช้ ต่างกันต่างมีความชอบกันละแบบ 

“ผมชอบลงทุนใน startup ซึ่งต้องพิจารณาในตัวผู้ก่อตั้ง ศักยภาพจะเป็นยังไง บริษัทจะโตแบบไหน ตัวผู้ก่อตั้งจะเป็นคนกำหนด” 

การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์ทอัพหรือแม้กระทั่งในคราวด์ฟันดิงเอง ต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพราะไม่มีตลาดเทรดและเปลี่ยนมือยาก ดังนั้นควรพิจารณาตัวผู้ก่อตั้ง ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ประกอบ การตัดสินใจลงทุนเพราะสิ่งนี้จะบอกความสามารถของบริษัทได้ชัดเจนที่สุด 

ทั้งหมดนี้คือข้อคิดการลงทุนที่เราได้จากคุณหมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ในบล็อกหน้าเราจะเอาเรื่องอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามกันได้ที่ Facebook: PeerPowerTH 

คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่าน เพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว

Author
PeerPower Team

สู่เป้าหมายทางการเงินที่ไกลขึ้น

ลงทุนและระดมทุนเพื่อธุรกิจผ่านคราวด์ฟันดิงกับ PeerPower
สมัคร